รูปแบบต่างๆของโครงสร้าง PEB
รูปแบบ Main Frame สามารถแบ่งเป็นประเภทต่างๆได้ดังนี้
โครงสร้างแบบโล่ง (Single Span)
แบบ A โครงสร้างแบบโล่งไม่มีเสากลาง (Open Span)
แบบ B โครงสร้างทรงจั่วที่วางบนเสาคอนกรีต (Steel Structure on Concrete Columns)
แบบ C โครงสร้างทรงจั่วแบบมีเสากลาง1เสา (Single-span with Center Column)
แบบ D โครงสร้างจันทันโค้งแบบไม่มีเสากลาง(Arch Structure)
แบบ I โครงสร้างหลังคาลาดเอียงแบบเดี่ยว (Shed Roof)
โครงสร้างแบบหลายช่วง (Multi-Span)
แบบ E โครงสร้างทรงจั่ั่วต่อกันแบบมีเสากลาง(Multi-gable with Center Column)
แบบ F โครงสร้างจันทันโค้งแบบมีเสากลาง (Multi-arch with Single Center Columns)
แบบ G โครงสร้างทรงโค้งแบบมีเสากลางหลายต้น (Multi-arch with Multiple Center Columns)
แบบ H โครงสร้างทรังจั่วแบบมีเสากลางหลายต้้น (Multi-gable with Multiple Center Columns)
แบบ J โครงสร้างแบบส่วนต่อเติมอาคาร (Lean-to)
โครงสร้างพิเศษอื่นๆ
แบบ K หลังคาทรงคว่ำ (Inverted Roof)
แบบ L โครงสร้างทรัสวางบนเสาคอนกรีต (Truss on Concrete Columns)
แบบ A: โครงสร้างแบบโล่งไม่มีเสาภายในอาคาร
สร้างโกดัง โรงงานแบบไม่มีเสากลาง: พื้นที่โล่งกว้าง ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ 100%
โครงสร้างแบบโล่ง (Open Span) คืออะไร?
คือระบบโครงสร้างอาคารที่ใช้คานเหล็กขนาดใหญ่ (Primary Frame) เพื่อสร้างช่วง (Span) ที่กว้างขวาง โดยไม่มีเสารับน้ำหนักภายในอาคาร ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยภายในที่โล่งกว้าง สามารถเคลื่อนย้ายสินค้าและจัดวางเครื่องจักรได้อย่างอิสระ โครงสร้างประเภทนี้ถูกคำนวณและออกแบบโดยวิศวกรโครงสร้างมาเป็นอย่างดี เพื่อให้มั่นใจในความแข็งแรงและปลอดภัยสูงสุด
ทำไมต้องเลือกโครงสร้างแบบโล่ง? เหมาะสำหรับธุรกิจแบบไหน?
โกดังคลังสินค้าขนาดใหญ่: ที่มีการใช้รถยก (Forklift) ในการจัดเรียงสินค้าจำนวนมาก การไม่มีเสาทำให้รถยกเข้าถึงได้ทุกซอกทุกมุม ลดเวลาในการทำงานและเพิ่มความคล่องตัว
- โรงงานผลิต: โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ต้องมีการจัดเรียงสายพานการผลิตที่ต่อเนื่องหรือมีเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ต้องการพื้นที่การทำงานกว้างๆ เพื่อการวางผังที่ยืดหยุ่นในอนาคต
- สนามกีฬาในร่ม/โรงยิม: ช่วยให้สามารถจัดกิจกรรมกีฬาต่างๆ ได้โดยไม่มีสิ่งกีดขวางทางสายตาหรืออันตราย
- ศูนย์จัดแสดงสินค้า/ห้องโถงอเนกประสงค์: เพื่อการจัดแสดงสินค้าขนาดใหญ่ หรือรองรับผู้เข้าชมจำนวนมากได้อย่างเต็มพื้นที่
ข้อดีที่คุณจะได้รับจากโครงสร้างแบบ Open Span
พื้นที่ใช้สอย 100%: ทุกตารางเมตรภายในอาคารมีค่าสูงสุด สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ ไม่มีพื้นที่สูญเปล่าจากเสา
- ความยืดหยุ่นสูง: หากธุรกิจของคุณมีการปรับเปลี่ยนแผนผังการผลิต หรือการจัดเก็บสินค้าในอนาคต สามารถทำได้ง่ายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการรื้อย้ายเสา
- ความรวดเร็วในการก่อสร้าง: ด้วยระบบโครงสร้างสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงงาน ทำให้สามารถนำไปติดตั้งที่หน้างานได้อย่างรวดเร็ว ลดผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจ
- ความปลอดภัยสูง: โครงสร้างหลักได้รับการออกแบบและคำนวณอย่างแม่นยำ เพื่อให้ทนทานต่อแรงลมและแรงแผ่นดินไหวตามมาตรฐานวิศวกรรม
ข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
มีข้อจำกัดด้านความกว้าง: โครงสร้างแบบนี้เหมาะสำหรับช่วง (Span) ที่มีความกว้างระดับหนึ่ง หากต้องการความกว้างที่เกินขีดจำกัด อาจต้องพิจารณาโครงสร้างแบบหลายช่วง (Multi-span) ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า
แบบ B : โครงสร้างทรงจั่วที่วางบนเสาคอนกรีต (Steel Structure on Concrete Columns)
โครงสร้างทรงจั่วบนเสาคอนกรีต: ความแข็งแกร่งที่ผสานเข้ากับความคุ้มค่า
โครงสร้างทรงจั่วบนเสาคอนกรีตคืออะไร?
คือระบบโครงสร้างที่ใช้เหล็กสำเร็จรูปเป็นส่วนประกอบหลักของหลังคาและโครงสร้างด้านบนทั้งหมด แต่ส่วนของเสาและฐานรากใช้เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งมีคุณสมบัติในการรับแรงกดได้ดีเยี่ยมและทนทานต่อความชื้น การออกแบบนี้เป็นการผสานจุดเด่นของวัสดุทั้งสองเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้อาคารที่มีความมั่นคงแข็งแรงสูงและเหมาะสมกับการใช้งานในระยะยาว
ทำไมต้องเลือกโครงสร้างแบบทรงจั่วบนเสาคอนกรีต? เหมาะสำหรับธุรกิจแบบไหน?
โรงงานหรือโกดังในพื้นที่เปียกชื้น: เสาคอนกรีตจะมีความทนทานต่อความชื้นจากพื้นดินได้ดีกว่าเสาเหล็ก ทำให้โครงสร้างโดยรวมมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
- อาคารที่มีการใช้งานหนัก: เหมาะสำหรับโกดังที่ต้องรับแรงกระแทกจากรถบรรทุกหรือรถยกเข้า-ออกอยู่เสมอ ในบางกรณี ต้นทุนในการก่อสร้างเสาคอนกรีตอาจมีความคุ้มค่ามากกว่าการใช้เสาเหล็กขนาดใหญ่พิเศษ
- โครงการที่ต้องการความมั่นคงของฐานราก: เหมาะสำหรับอาคารที่ตั้งอยู่บนพื้นดินที่มีลักษณะเฉพาะทาง เช่น พื้นที่ที่ต้องการการถ่ายเทน้ำหนักลงสู่เสาเข็มที่แข็งแรง
ข้อดีที่คุณจะได้รับจากโครงสร้างบนเสาคอนกรีต
ความแข็งแรงและทนทาน: เสาคอนกรีตสามารถรับแรงกดและแรงกระแทกได้ดี ทำให้โครงสร้างมีความมั่นคงสูง โดยเฉพาะในส่วนฐานที่ต้องสัมผัสกับพื้น
- อายุการใช้งานยาวนาน: คอนกรีตมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมและลดความเสี่ยงจากการกัดกร่อนของสนิมในส่วนฐานได้ดีกว่า
- ความยืดหยุ่นในการออกแบบ: สามารถออกแบบให้เป็นโครงสร้างโล่งได้เช่นกัน ทำให้มีพื้นที่ใช้งานภายในที่กว้างขวาง
ข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า: กระบวนการหล่อและบ่มเสาคอนกรีตต้องใช้เวลา ทำให้ระยะเวลาการก่อสร้างโดยรวมยาวนานกว่าการใช้โครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปทั้งหมด
- แก้ไข/เปลี่ยนแปลงได้ยาก: หากต้องการปรับเปลี่ยนตำแหน่งเสาในอนาคต การทุบเสาคอนกรีตจะทำได้ยากและซับซ้อนกว่าการถอดประกอบโครงสร้างเหล็ก
แบบ C: โครงสร้างทรงจั่วแบบมีเสากลาง1เสา (Single-span with Center Column)
โครงสร้างทรงจั่วแบบมีเสากลาง: โซลูชันที่คุ้มค่าสำหรับอาคารขนาดใหญ่ปานกลาง
โครงสร้างทรงจั่วแบบมีเสากลางคืออะไร?
คือโครงสร้างที่ออกแบบให้มีเสารับน้ำหนัก 1 ต้น อยู่บริเวณกึ่งกลางของช่วงกว้าง (Span) ของอาคาร โดยทำหน้าที่ช่วยรับน้ำหนักของคานหลังคาและถ่ายน้ำหนักลงสู่ฐานราก การเพิ่มเสากลางนี้ช่วยลดขนาดของคานหลักที่ต้องรับน้ำหนักทั้งหมด ทำให้โครงสร้างโดยรวมมีความแข็งแรงและมีน้ำหนักเบาลง
ทำไมต้องเลือกโครงสร้างทรงจั่วแบบมาเสากลาง? เหมาะสำหรับธุรกิจแบบไหน?
- โรงงานหรือโกดังที่มีความกว้างปานกลาง: เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการความกว้างเกิน 15-20 เมตร แต่ไม่ต้องการลงทุนกับโครงสร้างแบบโล่ง (Open Span) ที่มีราคาสูง
- อาคารที่สามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานได้: เหมาะสำหรับโรงงานที่มีการแบ่งโซนทำงาน หรือโกดังที่จัดเก็บสินค้าโดยใช้ชั้นวาง (Shelving) ซึ่งตำแหน่งของเสากลางจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน
- การมีเสากลางช่วยลดขนาดของโครงสร้างหลัก ทำให้ต้นทุนค่าวัสดุและค่าก่อสร้างถูกกว่าโครงสร้างแบบ Open Span ที่มีขนาดความกว้างเท่ากัน
ข้อดีที่คุณจะได้รับจากโครงสร้างแบบมีเสากลาง
- ความแข็งแรงสูง: เสากลางช่วยเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างหลังคา ทำให้รับน้ำหนักได้ดีขึ้น
- ประหยัดงบประมาณ: การลดขนาดของคานหลักทำให้ต้นทุนโดยรวมลดลง เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการสร้างอาคารขนาดใหญ่
- การก่อสร้างรวดเร็ว: ยังคงเป็นโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงงาน ทำให้การติดตั้งหน้างานทำได้อย่างรวดเร็ว
ข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- มีเสาภายใน: เสากลางจะเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานสำหรับธุรกิจที่ต้องการพื้นที่โล่งกว้างแบบ 100% เช่น โกดังที่ต้องใช้รถ Forklift วิ่งทั่วพื้นที่ หรือสนามบาสเกตบอลในร่ม
- ความยืดหยุ่นในการปรับผังลดลง: หากต้องการปรับเปลี่ยนผังการใช้งานในอนาคต ตำแหน่งของเสาจะต้องถูกนำมาพิจารณาด้วย
แบบ D: โครงสร้างจันทันโค้งแบบไม่มีเสากลาง(Arch Structure)
โครงสร้างจันทันโค้ง: สถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ผสานความแข็งแกร่งอย่างไร้ขีดจำกัด
โครงสร้างจันทันโค้งคืออะไร?
คือโครงสร้างที่ใช้จันทัน (Rafter) รูปทรงโค้งเป็นส่วนประกอบหลักของโครงหลังคา โครงสร้างประเภทนี้จะอาศัยหลักการกระจายแรงตามรูปทรงทางเรขาคณิต ทำให้สามารถรองรับน้ำหนักได้ดีเยี่ยมโดยไม่ต้องมีเสาค้ำยันภายในอาคาร เหมาะสำหรับการทำช่วง (Span) ที่กว้างมากๆ เพื่อให้ได้พื้นที่ใช้งานแบบโล่งเต็มที่
ทำไมต้องเลือกโครงสร้างจันทันโค้งแบบไม่มีเสากลาง? เหมาะสำหรับธุรกิจแบบไหน?
- ศูนย์กีฬาและสนามกีฬา: เหมาะสำหรับสนามกีฬาในร่ม, ลานสเก็ต, หรือสนามกีฬาเอนกประสงค์ที่ต้องการความสวยงามของโครงสร้างและพื้นที่โล่งกว้าง
- ศูนย์แสดงสินค้าหรือห้องประชุมขนาดใหญ่: รูปทรงโค้งช่วยสร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจและดูโอ่อ่า
- โกดังเก็บสินค้าหรือโรงงานที่มีดีไซน์พิเศษ: เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยรูปลักษณ์ภายนอกอาคารที่โดดเด่น
- อาคารที่ต้องการความแข็งแรงจากรูปทรง: รูปทรงโค้งมีความแข็งแรงตามธรรมชาติ สามารถต้านทานแรงลมและแรงหิมะได้ดีในบางพื้นที่
ข้อดีที่คุณจะได้รับจากโครงสร้างจันทันโค้ง
- ดีไซน์ที่โดดเด่น: สร้างความประทับใจแรกเห็นด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามและทันสมัย
- ความแข็งแรงสูง: รูปทรงโค้งช่วยกระจายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้โครงสร้างแข็งแรงกว่าเมื่อเทียบกับปริมาณเหล็กที่ใช้
- พื้นที่ใช้สอยแบบโล่ง: เช่นเดียวกับโครงสร้างแบบ A คุณจะได้รับพื้นที่ภายในที่โล่งกว้าง ใช้งานได้อย่างเต็มที่
- ความทนทานต่อแรงลม: รูปทรงโค้งช่วยลดแรงปะทะของลมได้อย่างดีเยี่ยม
ข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- การผลิตที่ซับซ้อน: การผลิตจันทันโค้งต้องใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีที่เฉพาะทางมากกว่าโครงสร้างคานตรง
- ต้นทุนที่สูงกว่า: ด้วยความซับซ้อนของการออกแบบและผลิต ทำให้ต้นทุนโดยรวมสูงกว่าโครงสร้างแบบทั่วไป
- ใช้เวลาในการติดตั้ง: อาจใช้เวลาในการติดตั้งและประกอบมากกว่าโครงสร้างแบบคานตรง
แบบ E : โครงสร้างทรงจั่วต่อกันแบบมีเสากลาง(Multi-gable with Center Column)
โครงสร้างทรงจั่วต่อกัน (Multi-Span): ขยายพื้นที่ให้กว้างสุดขีด เพื่อธุรกิจขนาดใหญ่
โครงสร้างทรงจั่วต่อกัน (Multi-gable) คืออะไร?
คือระบบโครงสร้างที่ใช้หลักการนำโครงสร้างทรงจั่วหลายช่วง (Span) มาต่อกันเป็นชุด โดยมีเสารับน้ำหนักอยู่ระหว่างแต่ละช่วง ทำให้สามารถขยายความกว้างของอาคารได้ตามต้องการ ซึ่งแตกต่างจากโครงสร้างแบบโล่ง (Open Span) ที่มีข้อจำกัดด้านความกว้าง โครงสร้าง Multi-gable จึงเป็นโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสร้างอาคารขนาดใหญ่มากๆ
ทำไมต้องเลือกโครงสร้างทรงจั่วต่อกันแบบมีเสากลาง? เหมาะสำหรับธุรกิจแบบไหน?
- ศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่: เหมาะสำหรับโลจิสติกส์เซ็นเตอร์ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บและคัดแยกสินค้าจำนวนมหาศาล
- โรงงานผลิตขนาดใหญ่: โรงงานที่ต้องมีการแบ่งพื้นที่ตามสายการผลิต หรือต้องการพื้นที่สำหรับเครื่องจักรหลายประเภท
- คลังสินค้าขนาดใหญ่พิเศษ: ที่ต้องการใช้พื้นที่ในแนวราบอย่างเต็มที่เพื่อการจัดเก็บสินค้าจำนวนมาก
- อาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่: เช่น ห้างสรรพสินค้าแบบพื้นที่โล่ง หรืออาคารจัดแสดงสินค้าที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง
ข้อดีที่คุณจะได้รับจากโครงสร้างแบบ Multi-gable
- รองรับความกว้างได้ไม่จำกัด: สามารถสร้างอาคารได้กว้างเท่าที่ต้องการ โดยเพิ่มจำนวนช่วง (Span) ได้ตามความจำเป็น
- ประหยัดต้นทุน: การมีเสากลางรับน้ำหนักหลายต้น ช่วยลดขนาดของคานและโครงสร้างหลัก ทำให้ต้นทุนค่าวัสดุและค่าก่อสร้างโดยรวมคุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับอาคารขนาดใหญ่เท่ากัน
- ความแข็งแรงสูง: โครงสร้างได้รับการออกแบบให้กระจายน้ำหนักลงสู่เสาหลายต้นอย่างสมดุล ทำให้มีความมั่นคงสูง
ข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- มีเสากลาง: การจัดวางผังภายในจะต้องพิจารณาตำแหน่งของเสาที่อยู่ระหว่างช่วง ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานสำหรับบางธุรกิจที่ต้องการพื้นที่โล่งแบบไม่มีสิ่งกีดขวางเลย
- ความซับซ้อนในการติดตั้ง: การประกอบโครงสร้างขนาดใหญ่ต้องใช้ความแม่นยำและเวลาที่มากกว่าโครงสร้างขนาดเล็กทั่วไป
แบบ F: โครงสร้างจันทันโค้งแบบมีเสากลาง (Multi-arch with Single Center Columns)
โครงสร้างจันทันโค้งแบบมีเสากลาง: ความโดดเด่นที่มาพร้อมความคุ้มค่า
โครงสร้างจันทันโค้งแบบมีเสากลางคืออะไร?
คือระบบโครงสร้างหลังคาที่มีรูปทรงโค้ง ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสองช่วง (Span) โดยใช้เสารับน้ำหนัก 1 ต้นอยู่บริเวณกึ่งกลาง การมีเสากลางนี้ช่วยลดขนาดของจันทันโค้งแต่ละช่วง ทำให้โครงสร้างโดยรวมมีน้ำหนักเบาลงและมีความแข็งแรงมากขึ้นเมื่อเทียบกับการทำช่วงเดียวกว้างๆ ทั้งหมด
ทำไมต้องเลือกโครงสร้างจันทันโค้งแบบมีเสากลาง? เหมาะสำหรับธุรกิจแบบไหน?
ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า: เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการความสวยงามของโครงสร้างโค้งเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่ยังต้องการความแข็งแรงในการรองรับน้ำหนักและรับช่วงที่กว้าง
โรงงานหรือโกดังที่มีดีไซน์พิเศษ: สำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและแตกต่าง โดยที่การมีเสากลางไม่เป็นอุปสรรคต่อการจัดวางผัง
สนามกีฬาหรือโรงยิม: หากต้องการสร้างอาคารกีฬาที่มีความสวยงามแต่มีงบประมาณจำกัด การเพิ่มเสากลางเข้ามาจะช่วยลดต้นทุนโครงสร้างหลักได้อย่างมาก
ข้อดีที่คุณจะได้รับจากโครงสร้างจันทันโค้งแบบมีเสากลาง
- ดีไซน์ที่โดดเด่น: รูปทรงโค้งให้ความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าหรือผู้มาเยือน
- ประหยัดงบประมาณ: การมีเสากลางช่วยลดขนาดของโครงสร้างหลัก ทำให้ต้นทุนโดยรวมลดลงเมื่อเทียบกับโครงสร้างโค้งแบบช่วงเดียวที่มีความกว้างเท่ากัน
- ความแข็งแรงสูง: รูปทรงโค้งตามหลักวิศวกรรมผสมกับการมีเสาช่วยค้ำยัน ทำให้โครงสร้างมีความแข็งแรงและมั่นคง
- ติดตั้งรวดเร็ว: ยังคงเป็นโครงสร้างสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงงาน ทำให้การติดตั้งหน้างานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- มีเสาภายใน: การมีเสากลางอาจจำกัดความยืดหยุ่นในการจัดวางผังภายในอาคารได้
- การผลิตที่ซับซ้อน: แม้จะประหยัดกว่าแบบไม่มีเสากลาง แต่การผลิตจันทันโค้งยังคงต้องใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรที่เฉพาะทาง ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนสูงกว่าโครงสร้างแบบคานตรง
แบบ G: โครงสร้างทรงโค้งแบบมีเสากลางหลายต้น (Multi-arch with Multiple Center Columns)
โครงสร้างทรงโค้งแบบมีเสากลาง: สถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่น เพื่ออาณาจักรที่ไม่มีสิ้นสุด
โครงสร้างทรงโค้งแบบมีเสากลางคืออะไร?
คือระบบโครงสร้างที่ออกแบบให้มีช่วงโค้งหลายช่วง (Multi-arch) มาต่อกัน โดยมีเสากลางทำหน้าที่รับน้ำหนักในแต่ละช่วง ทำให้โครงสร้างโดยรวมมีความมั่นคงสูงและสามารถสร้างอาคารที่มีความกว้างได้ตามต้องการ โครงสร้างประเภทนี้เป็นการรวมกันระหว่างดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของหลังคาโค้งเข้ากับความสามารถในการขยายพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพของโครงสร้างแบบหลายช่วง
ทำไมต้องเลือกโครงสร้างทรงโค้งแบบมีเสากลางหลายต้น? เหมาะสำหรับธุรกิจแบบไหน?
ศูนย์โลจิสติกส์และคลังสินค้าขนาดใหญ่: เหมาะสำหรับการจัดเก็บและกระจายสินค้าที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มากๆ
- โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่: ที่ต้องการแบ่งพื้นที่การผลิตออกเป็นหลายส่วน และต้องการพื้นที่การทำงานที่กว้างขวางในแต่ละช่วง
- ศูนย์กีฬาและนันทนาการ: เช่น โรงยิม สนามกีฬา หรือศูนย์สันทนาการขนาดใหญ่ที่ต้องการดีไซน์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์
- อาคารแสดงสินค้าหรือห้องประชุมขนาดใหญ่: ที่ต้องการสร้างความประทับใจด้วยดีไซน์ที่โอ่อ่าและรองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก
ข้อดีที่คุณจะได้รับจากโครงสร้างทรงโค้งแบบมีเสากลาง
- ขยายความกว้างได้อย่างไม่จำกัด: เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเมื่อคุณต้องการสร้างอาคารที่กว้างมากๆ
- ความแข็งแรงสูง: รูปทรงโค้งช่วยกระจายแรงได้ดี ผสานกับการมีเสาหลายต้นทำให้โครงสร้างมีความมั่นคงและแข็งแรง
- ดีไซน์ที่โดดเด่น: สร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของคุณด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์
- ความคุ้มค่าด้านโครงสร้าง: การมีเสาช่วยลดขนาดของโครงสร้างหลัก ทำให้ต้นทุนโดยรวมคุ้มค่ากว่าการทำอาคารแบบโล่งที่ขนาดใกล้เคียงกัน
ข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- มีเสาภายใน: เช่นเดียวกับโครงสร้างแบบหลายช่วงอื่นๆ การมีเสาภายในอาจเป็นอุปสรรคต่อการจัดวางผังสำหรับบางธุรกิจ
- การผลิตและการติดตั้งซับซ้อน: ด้วยจำนวนชิ้นส่วนที่มากขึ้นและรูปทรงที่โค้ง ทำให้การติดตั้งต้องใช้ความแม่นยำสูงและใช้เวลามากกว่า
แบบ H: โครงสร้างทรังจั่วแบบมีเสากลางหลายต้้น (Multi-gable with Multiple Center Columns)
โครงสร้างทรงจั่วแบบมีเสากลาง: โซลูชันอันดับหนึ่งสำหรับอาคารขนาดใหญ่พิเศษ
โครงสร้างทรงจั่วแบบมีเสากลางคืออะไร?
คือระบบโครงสร้างที่นำเอาโครงสร้างทรงจั่วหลายช่วง (Multi-gable) มาเรียงต่อกันเป็นชุด โดยใช้เสารับน้ำหนักกลางในแต่ละช่วง โครงสร้างประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแบ่งภาระการรับน้ำหนักของหลังคาออกเป็นส่วนๆ ทำให้สามารถสร้างอาคารที่มีความกว้างและความยาวได้ตามความต้องการของธุรกิจ และยังคงความแข็งแรงทนทานตามมาตรฐานวิศวกรรม
ทำไมต้องเลือกโครงสร้างทรงจั่วแบบมีเสากลางหลายต้น? เหมาะสำหรับธุรกิจแบบไหน?
ศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าขนาดใหญ่พิเศษ: เป็นมาตรฐานที่ใช้กันในธุรกิจโลจิสติกส์ เพราะรองรับการจัดเก็บสินค้าได้ปริมาณมหาศาล
- โรงงานอุตสาหกรรมหนัก: เหมาะสำหรับโรงงานผลิตที่มีการแบ่งโซนการทำงานชัดเจน และต้องการความแข็งแรงในการรับน้ำหนักเครื่องจักร
- โกดังสินค้าที่มีชั้นวาง (Racking System): ตำแหน่งของเสาที่เรียงเป็นแถวสามารถวางแผนให้สอดคล้องกับการติดตั้งชั้นวางสินค้าได้
- อาคารแสดงสินค้าขนาดใหญ่: เช่น ศูนย์การประชุมหรือศูนย์แสดงสินค้าที่ต้องการความยืดหยุ่นในการจัดผังพื้นที่
ข้อดีที่คุณจะได้รับจากโครงสร้างแบบมีเสากลางหลายต้น
- ขยายความกว้างได้อย่างไม่จำกัด: เป็นโซลูชันที่ยืดหยุ่นที่สุดสำหรับอาคารที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่มากๆ
- ประหยัดงบประมาณ: การมีเสาช่วยลดขนาดของโครงสร้างคานหลัก ทำให้ต้นทุนค่าวัสดุและค่าก่อสร้างโดยรวมคุ้มค่าที่สุดเมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่
- ความแข็งแรงและมั่นคง: ด้วยการกระจายน้ำหนักสู่เสาหลายต้น ทำให้โครงสร้างมีความแข็งแรงและทนทานสูง
- ติดตั้งได้รวดเร็ว: ด้วยระบบโครงสร้างสำเร็จรูป (Pre-Engineered) ทำให้การติดตั้งหน้างานเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- มีเสาภายใน: การมีเสาจำนวนมากอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับธุรกิจที่ต้องการพื้นที่โล่งแบบ 100% เช่น สนามกีฬาหรือโกดังที่ไม่ใช้ชั้นวางสินค้า
- ความซับซ้อนในการวางผัง: การจัดวางผังภายในอาคารต้องคำนึงถึงตำแหน่งของเสาทุกต้น
แบบ I: โครงสร้างหลังคาลาดเอียงแบบเดี่ยว (Shed Roof)
โครงสร้างหลังคาลาดเอียงแบบเดี่ยว: เรียบง่าย รวดเร็ว คุ้มค่า สำหรับทุกธุรกิจ
โครงสร้างหลังคาลาดเอียงแบบเดี่ยวคืออะไร?
คือโครงสร้างที่มีหลังคาเพียงด้านเดียวลาดเอียงลงมา โครงสร้างนี้จะมีความสูงด้านหนึ่งสูงกว่าอีกด้านหนึ่งอย่างชัดเจน ทำให้สามารถระบายน้ำฝนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โครงสร้าง Shed Roof มีความเรียบง่ายในการออกแบบและผลิต ทำให้เป็นตัวเลือกที่รวดเร็วและประหยัดที่สุด
ทำไมต้องเลือกโครงสร้างหลังคาลาดเอียงแบบเดี่ยว? เหมาะสำหรับธุรกิจแบบไหน?
- โรงจอดรถขนาดเล็ก: เหมาะสำหรับการสร้างโรงจอดรถยนต์หรือรถบรรทุกขนาดเล็ก
- โกดังเก็บของขนาดเล็ก: สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ต้องการพื้นที่เก็บของเพิ่มเติม
- ส่วนต่อเติมอาคาร: สามารถใช้เป็นส่วนต่อเติมโกดังหลักหรือส่วนขยายของอาคารเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้งาน
- ที่พักคนงานหรือโรงอาหาร: เป็นโครงสร้างที่เหมาะสมสำหรับสิ่งปลูกสร้างชั่วคราวหรืออาคารขนาดเล็กที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก
ข้อดีที่คุณจะได้รับจากโครงสร้างหลังคาลาดเอียง
- ประหยัดและคุ้มค่า: ใช้เหล็กน้อยกว่าโครงสร้างแบบอื่นๆ ทำให้ประหยัดงบประมาณได้อย่างมาก
- ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว: ด้วยความเรียบง่ายของโครงสร้าง ทำให้ใช้เวลาในการติดตั้งน้อยกว่ามาก
- บำรุงรักษาง่าย: รูปแบบที่เรียบง่ายทำให้การตรวจสอบและบำรุงรักษาในอนาคตทำได้สะดวก
- ระบายน้ำดีเยี่ยม: ระบายน้ำฝนจากด้านสูงสู่ด้านต่ำได้อย่างรวดเร็ว
ข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- มีข้อจำกัดด้านความกว้าง: ไม่เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการช่วง (Span) ที่กว้างมาก
- มีดีไซน์ที่จำกัด: รูปแบบที่เรียบง่ายอาจไม่ตอบโจทย์สำหรับธุรกิจที่ต้องการความสวยงามหรือดีไซน์ที่โดดเด่น
แบบ J โครงสร้างแบบส่วนต่อเติมอาคาร (Lean-to)
โครงสร้างส่วนต่อเติม (Lean-to): เพิ่มพื้นที่ใช้งานได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่า
โครงสร้างส่วนต่อเติม (Lean-to) คืออะไร?
คือโครงสร้างที่มีลักษณะหลังคาลาดเอียงเพียงด้านเดียว โดยด้านที่สูงกว่าจะยึดติดกับโครงสร้างหรือผนังของอาคารหลักที่มีอยู่เดิม ส่วนอีกด้านหนึ่งจะตั้งอยู่บนเสาของตัวเอง โครงสร้างประเภทนี้ใช้หลักการพิงกับอาคารเดิมเพื่อลดจำนวนเสาและโครงสร้างหลักที่ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ทำให้ประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณ
ทำไมต้องเลือกโครงสร้างแบบส่วนต่อเติมอาคาร? เหมาะสำหรับธุรกิจแบบไหน?
- โรงจอดรถข้างอาคาร: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มโรงจอดรถสำหรับพนักงานหรือรถขนส่ง โดยยึดติดกับตัวอาคารหลัก
- ส่วนขยายคลังสินค้า: สำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสินค้าแบบเร่งด่วน โดยไม่ต้องลงทุนสร้างโกดังหลังใหม่ทั้งหมด
- พื้นที่จัดเก็บสินค้าชั่วคราว: ใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บสินค้าที่ต้องมีการขนถ่ายเข้า-ออกบ่อยๆ หรือพื้นที่สำหรับรองรับวัตถุดิบ
- พื้นที่รับ-ส่งสินค้า: เหมาะสำหรับทำเป็นพื้นที่สำหรับรถบรรทุกจอดเทียบท่าเพื่อรับ-ส่งสินค้า โดยมีหลังคาป้องกันแดดและฝน
ข้อดีที่คุณจะได้รับจากโครงสร้างแบบ Lean-to
- ประหยัดงบประมาณ: ใช้โครงสร้างร่วมกับอาคารเดิม ทำให้ต้นทุนค่าวัสดุและค่าแรงลดลงอย่างมาก
- รวดเร็วในการติดตั้ง: ด้วยความเรียบง่ายของโครงสร้างและจำนวนชิ้นส่วนที่น้อยลง ทำให้การติดตั้งหน้างานทำได้อย่างรวดเร็ว
- ใช้งานได้หลากหลาย: สามารถปรับใช้เป็นพื้นที่ได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการของธุรกิจ
- ป้องกันแดดและฝน: ช่วยป้องกันสินค้าหรือรถบรรทุกจากสภาพอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- ความแข็งแรงที่จำกัด: การรับน้ำหนักของโครงสร้างจะขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของอาคารหลักที่ใช้เป็นจุดยึด
- เหมาะสำหรับความกว้างจำกัด: ไม่เหมาะสำหรับการขยายพื้นที่ที่ต้องการความกว้างมากเกินไป
แบบ K: หลังคาทรงคว่ำ (Inverted Roof)
หลังคาทรงคว่ำ (Inverted Roof): สถาปัตยกรรมที่โดดเด่น พร้อมระบบระบายน้ำที่ซ่อนไว้
หลังคาทรงคว่ำคืออะไร?
คือโครงสร้างหลังคาที่ออกแบบให้มีส่วนกลางเป็นจุดต่ำสุด และลาดเอียงลงมาสู่รางน้ำที่อยู่ภายในอาคาร (Internal Gutter) น้ำฝนทั้งหมดจะถูกรวบรวมและระบายออกผ่านท่อที่ซ่อนอยู่ภายในโครงสร้าง ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีรางน้ำหรือท่อน้ำฝนที่มองเห็นได้จากภายนอก ซึ่งส่งผลให้รูปลักษณ์ของอาคารดูสะอาด เรียบร้อย และทันสมัย
ทำไมต้องเลือกโครงสร้างหลังคาทรงคว่ำ? เหมาะสำหรับธุรกิจแบบไหน?
- อาคารพาณิชย์และอาคารสำนักงาน: เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดูหรูหรา ทันสมัย และมีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์
- อาคารในพื้นที่จำกัด: อาคารที่อยู่ติดกับอาคารอื่นหรือไม่มีพื้นที่ด้านข้างสำหรับติดตั้งระบบระบายน้ำภายนอก
- โรงงานหรือโกดังที่มีดีไซน์พิเศษ: สำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความแตกต่างและโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอก
- อาคารที่ต้องการระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ: การระบายน้ำลงสู่ท่อภายในช่วยลดปัญหาน้ำฝนกระเซ็นจากด้านข้างอาคาร
ข้อดีที่คุณจะได้รับจากโครงสร้างแบบ Inverted Roof
- ดีไซน์ที่โดดเด่นและทันสมัย: อาคารดูเรียบร้อยและสะอาดตา ไร้สิ่งรบกวนทางสายตาจากท่อและรางน้ำภายนอก
- ประสิทธิภาพในการระบายน้ำ: น้ำฝนจะถูกระบายออกอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ขังบนหลังคา
- ความปลอดภัยสูง: ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานที่ต้องขึ้นไปทำความสะอาดรางน้ำภายนอก
ข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- เสี่ยงต่อการอุดตัน: หากขาดการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ ใบไม้หรือเศษขยะอาจเข้าไปอุดตันท่อระบายน้ำภายใน ทำให้เกิดปัญหาน้ำขังและรั่วซึมได้
- การซ่อมแซมที่ซับซ้อน: หากเกิดปัญหาระบบท่อรั่วซึม การซ่อมแซมจะทำได้ยากกว่าการซ่อมแซมระบบระบายน้ำภายนอก
แบบ L โครงสร้างทรัสวางบนเสาคอนกรีต (Truss on Concrete Columns)
โครงสร้างทรัสบนเสาคอนกรีต: ความแข็งแกร่งสูงสุด สำหรับอาคารขนาดใหญ่พิเศษ
โครงสร้างทรัสบนเสาคอนกรีตคืออะไร?
คือระบบโครงสร้างหลังคาที่ใช้ โครงถัก (Truss) เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งประกอบด้วยสามเหลี่ยมเล็กๆ จำนวนมากมาเชื่อมต่อกันเพื่อกระจายแรงอย่างมีประสิทธิภาพ โครงสร้างทรัสมีคุณสมบัติเด่นคือ แข็งแรง แต่น้ำหนักเบา ทำให้สามารถรองรับช่วงกว้าง (Span) ได้มากกว่าโครงสร้างคานปกติหลายเท่าตัว เมื่อนำมาวางบนเสาคอนกรีตที่แข็งแรง จะได้อาคารที่มีความมั่นคงและทนทานสูงสุด
ทำไมต้องเลือกโครงสร้างทรัสวางบนเสาคอนกรีต? เหมาะสำหรับธุรกิจแบบไหน?
- โรงเก็บเครื่องบิน (Hangar): เป็นโครงสร้างมาตรฐานที่ใช้สำหรับโรงเก็บเครื่องบิน เนื่องจากต้องการช่วงกว้างแบบไม่มีเสากลางเพื่อรองรับปีกเครื่องบินขนาดใหญ่
- สนามกีฬาในร่มขนาดใหญ่: เช่น สนามบาสเกตบอล, สนามฟุตซอล, หรือสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ที่ต้องการพื้นที่โล่งเต็มที่
- โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่พิเศษ: สำหรับโรงงานที่ใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ หรือต้องการสายการผลิตที่ต่อเนื่องในพื้นที่กว้าง
- ศูนย์แสดงสินค้าขนาดใหญ่: เพื่อรองรับการจัดงานแสดงสินค้าที่ต้องการพื้นที่จัดบูธที่ยืดหยุ่น
ข้อดีที่คุณจะได้รับจากโครงสร้างแบบ Truss
- ทำช่วงกว้างได้มากเป็นพิเศษ: สามารถสร้างช่วง (Span) ได้กว้างกว่า 50 เมตร โดยไม่จำเป็นต้องมีเสากลาง
- แข็งแรงและน้ำหนักเบา: ประสิทธิภาพในการรับแรงดึงและแรงอัดของโครงสร้างทรัสทำให้แข็งแรงแต่ใช้วัสดุน้อยกว่า
- ความมั่นคงสูงสุด: การวางโครงสร้างทรัสบนเสาคอนกรีตช่วยให้ตัวอาคารมีความมั่นคงและทนทานเป็นพิเศษ
- ความยืดหยุ่นในการใช้งาน: ได้พื้นที่ภายในที่โล่งกว้าง สามารถปรับใช้ได้กับหลากหลายธุรกิจ
ข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
- การผลิตที่ซับซ้อน: การผลิตโครงสร้างทรัสต้องใช้การคำนวณและผลิตที่แม่นยำสูง
- ต้นทุนที่สูงกว่า: ด้วยความซับซ้อนและประสิทธิภาพที่สูง ทำให้ต้นทุนโดยรวมสูงกว่าโครงสร้างแบบทั่วไป
- การติดตั้งที่ต้องใช้ความชำนาญ: การประกอบและติดตั้งโครงสร้างขนาดใหญ่ต้องใช้ทีมงานที่มีความชำนาญและอุปกรณ์เฉพาะทาง
